เบี้ยแก้จน (เบี้ยกลืนกินเงินกินทอง เรียกเงินเรียกทองเรียกลูกค้าเรียกทรัพย์สิน ) หลวงปู่ญาท่านเขียน สร้างปี 2555
เบี้ยแก้จน (เบี้ยกลืนกินเงินกินทอง เรียกเงินเรียกทองเรียกลูกค้าเรียกทรัพย์สิน )
หลวงปู่ญาท่านเขียน ป่าช้ายางขี้นก อุบล สร้างปี 2555
ยุคนี้เศรษฐกิจอย่างนี้ หลวงปู่ญาท่านเขียน ได้สร้างเบี้ยแก้จน หรือเบี้ยกินเงินขึ้นมา โดยเลือกเบี้ยแก้ขนาดมงคลตามตำรา ปลุกเสกก่อนครั้งหนึ่ง จากนั้นนำเบี้ยจั่น “เบี้ยเงิน” มีอายุเป็นร้อยปี งมได้จากท้องน้ำเจ้าพระยา และจากก้นกำปั่นที่เศรษฐีคหบดีที่โรยเบี้ยก้อนที่จะเก็บเงินเข้ากำปั่น ในว่า “เบี้ยต่อไส้ใช้ไม่มีวันหมด - เงินเรียกเงินไหลมาไม่หยุดหย่อน ” เบี้ยทั้งสองนี้คือเบี้ยเงินเบี้ยรวย เบี้ยร่มเย็นเป็นสุข เอามาตำบดให้เป็นผงแล้วเอาบรรจุในเบี้ยแก้จนรุ่นนี้ ใส่เม็ดกริ่งให้เสียงดังกังวาน เขย่าติดต่อกับเทพยาดาที่คุมเงินเงินตรา ในท้องพระคลังได้ จากนั้นปิดตะกรุดหัวใจ “แก้วบุษราคัม ” หรือ หัวใจแก้วแหวนเงินทอง
หลวงปู่ญาท่านเขียนทำขึ้นเพื่อให้ใช้แก้จน ใช้เคล็ด “เบี้ยกินเบี้ย” (บรรจุเบี้ยเก่าแก่ไว้ด้านใน) หมายถึงเบี้ยสามารถกลืนกินเงินกินทอง หรืออีกนัยหนึ่งสามารถเรียกเงินเรียกทองเรียกลูกค้าเรียกทรัพย์สิน มีเงินใช้ไม้รู้จักหยุดจักหย่อน อานุภาพของเบี้ยที่กลืนเบี้ย เท่ากับเป็นของดี มงคลในการทำมาหากินหาเงินหาทองง่าย ทำมาหากินคล่องเข้าถูกช่องสบโชค
หลวงปู่ญาท่านเขียนทำการเสกในป่าช้า ด้วยสมาธิจิตองค์เดียวแบบบินเดี่ยว ขณะที่พระสงฆ์และชาวบ้านนั่งมองหลวงปู่กล่องเบี้ยที่ห่อด้วยผ้าขาวดังกุ๊กกัก กุ๊กกัก บรรยากาศที่เงียบสงบกลางป่าช้า ต่างมองหน้ากันแล้วก็สงสัยในใจว่า เบี้ยที่หลวงปู่ปลุกเสกอยู่มีฤทธิ์มีเดชดิ้นขยับเขยื้อนเคลื้อนตัวหรืออย่างไร ???
เบี้ยแก้จน หรือเบี้ยกินเบี้ย นี้สำคัญนักหนา จะว่าไป พ่อค้าแม่ขายใช้กินเงินกินทองลูกค้าได้ มั่งมีมากมาย เป็นเจ้าสัวเจ้าแสน โชคลาภ เต็มพุงเต็มท้องเต็มห้องเต็มหับ ขุนนางท้าวพระยาจะมีทรัพย์มากแก้วแหวนเงินทอง ข้าทาสหญิงชายเกินประมาณ ท้าวไทเจ้าพระยามหาศาล มั่งมียืนนาน เกินกว่าผู้ใด ทรัพย์เต็มเวียงสินเต็มวัง หาถ้วนเกินกว่าจำนวนนับ สรรพอาถรรพณ์เบี้ยแก้ยังมีบอกสาธยาย อีกว่า
“ดับอัปมงคลทุกข์ ระงับทุกภัยพิบัติ ศัตรูปองร้ายให้พ่ายแพ้ภัยตัว ขึ้นโรงขึ้นศาลชนะ สัตว์ร้ายสารพัดกำจัดไป กันอาวุธยุทธโยธี ปอบห่าผีก็ไล่ได้ เตือนภัยมากลายกล่ำ กันกระทำมากล้ำกลาย จบสาธยาย ร่ายยาวเอยฯ ดังนี้แล”